ธรรมะหลวงพ่อฉัน เรื่องคุณธรรมพื้นฐานของคนดี

ถอดจากไฟล์เสียง http://www.niyommata.com/private_folder/02thamma/40029.wma สำหรับผู้ที่มีเวลาอ่านแต่ไม่มีเวลาฟังครับ

เจริญพร สาธุชน ผู้เคารพในธรรมทุกๆ ท่าน  ให้เรามาฟังธรรมะ กับหลวงตาฉันกันเถอะ  อาจจะเกิดความรู้ คุณงามความดีก็ได้  คือหลวงตาฉันจะพูดธรรมะให้ฟัง โดยเฉพาะเรื่อง ของความกตัญญู อยู่ในธรรมะเรื่องนี้ก่อน คือคนที่มีความกตัญญู เป็นคนที่รู้จักรักษา คุณงามความดีเอาไว้  เหมือนเกลือรักษาความเค็ม คนที่มีความกตัญญูเนี่ย จะต้องรู้จักการรักษาดีเดิม ความดีเดิม ที่มีอยู่ และก็เพิ่มเติมความดีใหม่  เข้าไปเรื่อยๆ เติมมันเข้าไป เติมมันเข้าไปเนี่ย เรียกว่ารักษาดีเดิมแล้วก็เติมดีใหม่  ต้องรักษาความดีไม่มีพร่อง และยังต้องเพิ่มความดี ที่สดใส มีหิริโอตับปะ ชนะภัย รู้สึกความละอาย ในสิ่งทราม นี้เรียกว่าคนที่มีความกตัญญุ จะเป็นคนที่มีหิริ คือความละอายต่อบาป เป็นคนที่มีความละอายต่อความชั่ว ในที่ลับและที่แจ้ง คนที่มีความกตัญญู มักจะเป็นคนที่มีโอตับปะ ความเกรงกลัว ต่อผลกรรม ในเมื่อทำไปแล้ว กรรม ก็จะติดตามมา เห็นคนเขา ง่อยเปลี้ยเสียขา หูหนวก ตาบอด พิกลพิการ เราก็กลัวเรา จะเป็นเหมือนเขา ก็พยายาม กลัวต่อผลกรรม ไม่กล้าทำความชั่ว นี้เรียกว่าคนที่มีความกตัญญู เป็นพื้นฐานของความดี ของคน ต้องรักษาความดี ไม่ให้มันมีพร่อง บกพร่อง และก็ยังต้องเพิ่มความดี ที่สดใส มีหิริโอตับปะ ชนะภัย รู้สึกความละอาย ในสิ่งทราม ให้เราลองสังเกตดูนี่ สังเกตดูคน คนที่เลว เอาเรื่องของคนเลวก่อน คนชั่วก่อน คนที่ติดการพนัน ชอบเล่นการพนัน หนึ่ง ชอบดื่มเหล้า หนึ่ง  ชอบตีไก่ กัดปลา เล่นม้า เล่นมวย อะไรก็แล้วแต่ เขาเรียกว่า มีความเห็นผิดจากคำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นคนหัวแข็ง แร้งน้ำใจ ไร้สัจจะ เป็นคนที่อกตัญญู บุคคลดังกล่าวนี้นี่ มักจะขาดพื้นฐานของความกตัญญู คนดื่มเหล้า สูบบุหรี่ กินเบียร์เนี่ย ให้เราลองไปสอบถามดูเบื้องหลัง มักจะเป็นคนเนรคุณพ่อแม่ ให้เราสาวไปให้ถึงต้นตอจริงๆ นะ นิสัยมักจะเนรคุณพ่อแม่ ไม่เคารพคำสั่ง ฟังคำสอนของพ่อแม่ คนเล่นการพนัน เล่นหวย เล่นเบอร์ เล่นไพ่ ไฮโล อะไรก็แล้วแต่ ชนไก่ กัดปลา เล่นมวย เล่นม้า ก็แล้วแต่ สาวไปดูเบื้องหลังลึกๆ จริง ๆ นี่ มักจะเป็นคนเนรคุณพ่อแม่ นั่นคือพื้นฐาน นิสัยจริงๆ แล้วเนี่ย แต่คนที่เขาได้ดีมีความสุข ไม่รู้เป็นอย่างไรน่ะ หลวงตาฉันก็พยายามที่จะวิเคราะห์ดูนี่ สาวกของพระพุทธเจ้า ที่พระพุทธองค์ทรงยกย่อง เป็นเลิศที่สุดของสาวกเลยนะ เลิศแห่งความกตัญญูเนี่ย สาวกผู้นั้น เป็นบุคคลผู้มีปัญญา ฉลาด เฉียบแหลมกว่าสาวกทุกๆ พระองค์เลย สาวกองค์นั้นก็คือพระสารีบุตร ได้รับยกย่อง เป็นเอกกะทัคคะในทางความกตัญญู และก็ได้รับการยกย่องจากพระพุทธเจ้า เป็นผู้เลิศในทางความทรงจำและก็สติปัญญา ก็คือพระสารีบุตร นี่ น่าแปลกเหมือนกันนะ คนที่เรียนเก่ง มีสติ มีปัญญา ฉลาดแต่ไม่แกมโกงนะ ฉลาดเฉียบแหลม ไม่เกะกะ ไม่กอบโกย ไม่โกงกินนะ เป็นคนดี เป็นคนฉลาด ว่าง่ายสอนง่าย โอว  จะดูอะไรตรงไหน ดูการเดิน ดูการพูด ดูการจา ดู กิริยามารยาททั้งหมดน่ะ พื้นฐานของจิตใจ มักจะมาจากความกตัญญู มีความผูกพันอยู่กับแม่ รักแม่ กตัญญูต่อแม่ เรียนเป็นหมอ เป็นนายแพทย์ เป็นหัวหน้าคน มักจะมีพื้นฐานมาจากความกตัญญู คนที่มีความกตัญญู เป็นคนที่รู้จักการ อดกลั้น อดทน เป็นคนที่น่ารัก คนที่มีความกตัญญู เป็นคนงาม ทั้งกิริยา วาจา และก็น้ำใจก็งามด้วย น่าคบค้าสมาคมเป็นอย่างยิ่ง คือเขารู้จักอดกลั้น และอดทน ต้องเป็นคนจิตผ่องใส ให้เกรงขาม ต้องน่ารัก น่าเอ็นดู ทุกโมงยาม เป็นคนงามทั้งกิริยา และน้ำใจ นี่คือคนที่มีความกตัญญู พ่อแม่จะดุจะด่า จะว่า จะตีอย่างไรก็แล้วแต่  ไม่เถียง ไม่น่านิ่ว คิ้วขมวด ไม่พูดวาจาหยาบกับพ่อ ตะขู่ ขู่เข็ญแม่ ของตนเอง ดูกิริยามารยาทเรียบร้อย จริงๆ ให้ดูนิสัย ดูกิริยามารยาท ดูน้ำใจ เพราะว่าเป็นคน รู้จักอดกลั้น และอดทน และก็เป็นคนที่จิตผ่องใส ให้เกรงขาม ดูน่ารัก น่าเอ็นดู ทุกโมงยาม เป็นคนงามทั้งกิริยาและน้ำใจ ท่านผู้ฟังที่เคารพ เรายังฟังอยู่ในเรื่องของความกตัญญู คนที่มีความกตัญญูเนี่ย มนุษย์และเทวดา อยากจะช่วยเหลือ เจือจุน คนที่มีความกตัญญู มักจะเป็นบัณฑิต มีบัณฑิต คือผู้รู้ และก็คนดีและมนุษย์ พร้อมทั้งเทวดา ท่านจะพากันสรรเสริญ เจริญใจ แต่ปุถุชนนั้น จะเกลียดคนกตัญญู เพราะมันเป็นธรรม ตรงกันข้าม ปุถุชนก็คือเรียกว่าคนพาล พวกกินเหล้า เล่นการพนัน หรืออะไรก็สุดแล้วแต่ คือเรียกว่าพวกที่มกหมุ่นอยู่ในอบายมุข ทุกรูปแบบนี่ มักจะเกลียดคนที่ดี เพราะตนเองทำไม่ได้ เที่ยวอิจฉาริษยา ละรานคนอื่นเขา เพราะมันมีนิสัยตรงกันข้าม สีขาว  มีสีขาว ก็ต้องมีสีดำ เป็นของธรรมดา ของสังคม เพราะฉะนั้นคนที่มีความ กตัญญูนี่ สังเกตดูมนุษย์ คือผู้ที่มีศีลห้า ที่บริสุทธ์ เราเรียกว่ามนุษย์ เทวดา ผู้ที่เกลียดความชั่ว กลัวต่อบาป จะสรรเสริญคนที่มีความกตัญญู คนที่มีความกตัญญู จะมีบัณฑิต คือเป็นผู้ที่สงบแล้ว ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ สรรเสริญเยินยอ ว่าเขาเป็นคนดี ทั้งมนุษย์และเทวดา เขาอยากจะช่วยเหลือ อยากจุนเจือ อยู่เป็นสุข ทุกสมัย ทั้งบัณฑิต สรรเสริญ เจริญใจ อยู่แห่งใด ใครก็อยาก ผูกสัมพันธ์ ท่านผู้ฟังที่เคารพในธรรม ทุกๆ ท่าน เรามามีความกตัญญูกันดีมั๊ย  เอาให้มันจริงๆ จังๆ น่ะ มอบกายถวายชีวิตของเราไปเลย ตายเป็นตาย จะไม่ทำความชั่ว จะไม่แสวงหาความเลว เพื่อแม่ของตนเอง เสียวงศ์ตระกูลปล่าวๆ ขอให้เราช่วยกันทำดี เถอะ ทำดี พูดดี คิดดี ไป จะมีคนดีมาสรรเสริญ แต่คนเลวนั้นเขาเกลียดเขาชังเขา อิจฉาริษยา ก็เป็นของธรรมดา สีขาวก็มีสีดำ เป็นของธรรมดา มีคนรักก็มีคนชัง มีคนชังก็มีคนรัก คือไม่ใช่ว่าจะเกลียดทุกคนไป คนรักก็ไม่ใช่ว่าจะรักเราทุกคนไป เราจะไปติดอยู่อะไรกับ ตรงนี้น่ะ รักๆ ชังๆ แค่นี้ ถ้าหากว่าไปติดอยู่ตรงนี้ ทำงานอะไรก็ทำยาก เวลาคนเขาสรรเสริญ จิตใจของเราก็ฟู ขึ้น ฟู ขึ้น ทำไม่เหน็จไม่เหนื่อย พอเวลาถูกเขานินทา เขาด่าเขาว่า ก็แฟบลง แฟบลง หมดกำลังใจ ไม่อยากจะทำอะไร ไม่อยากจะคิดอะไร เออ ให้เราทำดีไปเถอะ ยังมีหมู่ มีพวก มีเพื่อนมีฝูง อีกมากมาย อย่างน้อยหลวงตาฉันนี่ จะเป็นพี่จะเป็นน้อง และจะขอสมัครเป็นญาติของคนที่มีความกตัญญู ขอสมัครไปเป็นญาติ ขอสมัครใจไปเป็นพี่ ขอสมัครใจไปเป็นลูก ทั้งมนุษย์และเทวดาเนี่ย อยากจะช่วยเหลือ อยากจุนเจืออยู่เป็นสุข ทุกสมัย ทั้งบัณฑิตสรรเสริญ เจริญใจ อยู่แห่งใด ใครก็อยาก ผูกสัมพันธ์ ท่านผู้ฟังที่เคารพในธรรม ทุกๆ ท่าน ผลสุดท้ายคนที่มีความกตัญญู อาจจะบรรลุมรรคผลนิพาน ก็ได้ คนที่เนรคุณนี่ เขาก็อาจจะมีนิสัยอันธพาล ก็ได้ เพราะฉะนั้นความกตัญญูนี่ ให้เราทำไปเถอะ ไม่ผิด ด้วยเหตุนี้ จงช่วยกันสรรเสริญคนดี ให้มีกำลังใจ ที่มีความกตัญญู ร่วมกัน ฟังไปเถอะให้เราเปิดวิทยุฟัง ไป อย่างน้อยคำพูด ของหลวงตาฉันนี้นี่ ถ้าหลวงตาฉันมรณะภาพไปแล้วนี่ จะมีความรู้สึก ว่ามันเงียบเหงานะ จะเกิดความว้าเหว่ จะไม่มีใครพูดธรรมะให้ฟัง เพราะฉะนั้นผู้ที่มีความกตัญญู ผลสุดท้าย อาจจะได้ ถึงมรรคผล บรรลุจนนิพพาน จนดับขันธ์ จบคุณงามความดี ที่รำพัน ได้ช่วยกันสรรเสริญ ลูกของคนดี อยากจะชักชวน ท่านผู้ฟังทุกคน ให้เรามาสร้างความกตัญญู ฝังลึกลงในนิสัยและก็จิตใจของตนเอง ธรรมะในเรื่องนี้ หลวงตาฉันก็จะพูดถึงคำสอน ของแม่ข้อที่ 5 ตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้อที่ 5 เป็นข้อสุดท้ายมีอยู่ 5 ข้อด้วยกัน ข้อที่ 1 ก็พูดไปแล้ว ห้ามไม่ให้ลูกทำความชั่ว ข้อที่ 2 ก็พูดไปแล้ว ให้ลูกตั้งอยู่ในคุณงามความดี ข้อที่ 3 เห็นลูกดีแล้วก็ส่งให้มีการศึกษา เรียนสูงๆ ข้อที่ 4 มีงานทำ หาภรรยา สามีให้กับลูก ข้อที่ 5 มอบทรัพย์ รีบสละ ในสมัย ให้ลูกมีกินมีใช้ ไม่ขาดสมปรารถนา ให้เงินทองของใช้ ทั้งไร่นา ชื่นชีวาผาสุข ทุกคืนวัน เพราะฉะนั้นในเมื่อเห็นลูกเป็นฝั่งเป็นฝาดีแล้ว ข้อที่ 5 แม่มีทรัพย์สมบัติอะไร ก็มอบให้ลูกไปเป็นทุน ให้ลูกได้มีกิน จะได้มีใช้สอย มีเงินมีทองใช้สอยในการลงทุน ทั้งเงินทองไร่นาสารพัด เราต้องมอบให้เขาไป อย่ารอตายแล้ว เสร็จแล้วก็ลูกทะเลาะกัน ฟ้องร้องกันขึ้นโรงขึ้นศาล เรียกว่าฟ้องแบ่งทรัพย์มรดก ของพ่อแม่กันนะ เราต้องจัดการใจขณะที่เรายังมีชีวิตอยู่นี่ เราจะให้อะไร เอา คนนี้พ่อแม่มอบให้ทุนไป ไปลงทุนการทำมาให้กิน อยากจะได้อะไรก็เอาไปหาทุนเข้ามอบให้ลูกไป เอ้า พ่อแม่มีไร่มีนา เช่นอย่างโยมแม่ของหลวงตาฉันนี่ แกมอบที่บ้านก็ดี ลูกทุกคนนี่ได้หมดนะ พี่สาวของหลวงพ่อก็ได้ ได้ที่ดิน ได้มีที่ไร่ที่นา ทำมาหากินเนี่ย ปัจจุบันนี้ลูกหลาน ก็เป็นตำรวจ เป็นทหาร เป็นครู เป็นพยาบาล ลูกหลานเขาก็พอได้อยู่ได้กินของลูกหลานเขาไป ในระดับบ้านนอก ธรรมดา เขาก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร หลวงตาฉันก็ได้ทรัพย์สมบัติของแม่ มอบให้ตั้งแต่ก่อนบวชก็คือที่ดินผืนนี้นี่ ที่เรียกว่าวัดนิยมมาตา ได้รับอนุญาตสร้างเป็นวัดแล้ว วัดนิยมมาตา ตอนแรกเป็นสำนักปฏิบัติธรรม นิยมมาตา สาขาวัดป่าหลักร้อย เพราะว่าหลวงตาฉันเนี่ยเป็นเจ้าอาวาส วัดป่าหลักร้อย ได้บุกเบิกในการสร้าง สื่อการสอน สร้างเป็นแดนนรก คนทำผิด ทำความชั่ว จะได้รับโทษรับกรรม อย่างนี้ สร้างแดนมนุษย์ตามความเป็นอยู่ของมนุษย์ โดยทั่วไป เขาอยู่กันอย่างไร ทำมาหากินกันอย่างไร ในอดีตก็ดี ปัจจุบันก็ดี เป็นสื่อการสอน แล้วก็สร้างเป็นแดนสวรรค์ ในฝันของคนรุ่นใหม่ เรียกว่าสามภพด้วยกัน นรก มนุษย์ และก็สวรรค์ ว่าได้สร้างไป เพราะฉะนั้นผืนแผ่นดิน ที่ได้ตั้งสถานีวิทยุนี้นี่ เป็นแผ่นดินแม่ นิยมมาตา เป็นแผ่นดินของโยมมารดา มอบทรัพย์ให้ นี้คือเป็นแม่ที่ดี ก่อนที่แม่จะเสียชีวิตไป ทรัพย์สมบัติมอบให้ลูกหมดทุกคน แบ่งปันกันไม่มีปัญหาอะไรทั้งหมด เรื่องทรัพย์สมบัติของโยมแม่ นี่ และหลวงพ่อก็ไม่รู้จะเอาไปทำอะไร ที่บ้านอยู่ ที่นาวัดศิริบ้านไร่ 2 งาน ก็จะมอบยกให้วัดศิริบ้านไร่ เป็นที่ธรณีสงฆ์ ไป โยมพ่อเป็นมัคธายกวัด โยมแม่เป็นผู้อุปถาก ให้ความอุปถัมป์พระภิกษุ สามเณรในวัดมาโดยตลอด ก็ยกเป็นสมบัติของวัดไป ที่ไร่ที่นา มาสร้างวัดนิยมมาตา ก็ยกให้เป็นสมบัติของพระพุทธศาสนาไป เอาทรัพย์ภายนอกของ โยมพ่อโยมแม่ มาทำเป็นสมบัติภายใน เรียกว่าเป็นอริยทรัพย์ เสร็จแล้วก็ให้สติให้ปัญญา ท่านผู้ฟังที่เคารพในธรรมอยู่ในขณะนี้ อย่างน้อยก็ขอให้เรานี่ ได้นึกถึง โยมพ่อโยมแม่ของหลวงพ่อ ที่ได้เอา หาที่ดินผืนนี้ มา ให้ท่านผู้ฟังได้ยินได้ฟังอยู่ในขณะนี้ และก็หลวงตาฉันที่ได้พูดอยู่นี้นี่ ถ้าไม่มีคนสองคนนี้ ที่เป็นพ่อเป็นแม่ หลวงตาฉันก็จะไม่มีวันนี้ ท่านผู้ฟังก็จะไม่ได้รับฟังธรรมะ และบัดนี้ 30 นาที ที่เราได้รับฟัง เรื่องของความกตัญญู เรื่องหน้าที่ ของพ่อของแม่  ที่พระพุทธเจ้ามอบให้ เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า 5 ข้อด้วยกัน หลวงตาฉันก็พูดไป 5 เรื่องด้วยกัน เรื่องละหนึ่งข้อ หนึ่งข้อ ข้อนี้ก็เป็นข้อสุดท้าย ข้อที่ 5 ขอสรุปทบทวน อยู่ในข้อสุดท้าย 5 อย่าง หน้าที่ของพ่อแม่  หนึ่ง ห้ามไม่ให้ลูกทำความชั่ว เราอย่าไปชั่วซะเองนะ สอง ให้ลูกตั้งอยู่ในคุณงามความดี คือตั้งอยู่ในศีลในธรรม พ่อแม่ต้องเป็นผู้นำ สาม หาการศึกษาให้กับลูก อันนี้แน่นอนทีเดียว พ่อแม่ทุกคนนี่ ส่งเสริมการศึกษาของลูกอยู่แล้ว สี่ เมื่อลูกมีการมีงานทำ เพื่อความมั่นคงของลูก มักจะแสวงหา ภรรยา สามี มาให้ลูก ห้า มอบทรัพย์มรดกให้เป็นทุนเป็นรอน ที่จะต่อตีนต่อมือไป บัดนี้ก็ได้ ครบทั้งห้าข้อ หลวงตาฉันก็ขอจบเอาไว้แต่เพียงเท่านี้ ขอความสุขสวัสดี ขอให้เราเป็นพ่อที่ดีของลูก ขอให้เราเป็นแม่พิมพ์ของลูกที่ดี ด้วยกันทุกท่านทุกคนเทอญ ขอเจริญธรรม

Comments

comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

* 3+7=?